คำเตือน....บทความต่อไปนี้ไม่ต้องการนำเสนอมุมมองทางศีลธรรม ถ้าต้องการเพียงมุมมองดังกล่าวโปรดอย่าอ่าน
กระผมเพิ่งได้อ่านบทความเกี่ยวกับการค้นหาความหมายของการซื้อประเวณี เป็นงานวิจัยที่ทำในอเมริกา น่าสนใจทีเดียว เลยสนใจนำมาเล่าให้ทุกท่านฟังต่อ
งานวิจัยดังกล่าวแม้ทำในอเมริกาแต่ก็มีประเด็นหลายอย่างที่น่าจะเป็นประเด็นระดับสากล ที่พอบอกได้ว่าชายที่เที่ยวผู้หญิงในอเมริกานั้นมีความคล้ายคลึงกับชายที่เที่ยวผู้หญิงในประเทศอื่นอยู่หลายประการ
ธรรมดาเวลาเรานึกถึงการซื้อขายประเวณีนั้น ประเด็นแรกที่เรามักนึกไปถึงคือ ทำไมผู้หญิงถึงได้ขายประเวณี?
แน่นอนความยากไร้ การไร้การศึกษาที่เพียงพอ การตกอยู่ในอิทธิพลของลัทธิบริโภคนิยม หรือแม้คำตอบโบราณคร่ำครึอย่างเขา "ถูกหลอก" ถูกเอ่ยถึงอยู่บ่อยครั้ง หลายครั้งที่เธอเหล่านี้สุดท้ายก็ถูกเพียงแต่ตราหน้าหรือแผลเป็นทางสังคมให้แล้วก็จบ
ความเป็นจริงเรื่องอาจไม่ผิวเผินเพียงเท่านั้น โปรดอย่าลืมว่าเศรษฐศาสตร์บอกเราว่า เมื่อไม่มีอุปสงค์ย่อมไม่มีอุปทาน โสเภณีจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีลูกค้า และแน่นอนสำหรับเมืองไทย โสเภณีจะเพิ่มจำนวนได้อย่างไร ถ้าคนเที่ยวไม่ "เยอะ"
คนเที่ยวเหล่านี้มองการซื้อประเวณีว่าคืออะไร? (ต่อไปนี้คือมุมมองของงานวิจัยที่ทำในอเมริกา)
ก่อนจะไปถึงมุมมองส่วนบุคคล สิ่งแรกที่ควรถูกพูดถึงคือสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ ที่ได้เปลียนแปลงมุมมองของคนต่อการซื้อประเวณี
ด้วยอิทธิพลของทุนนิยมและตลาดที่ส่งผลให้เกิดกระบวนการ "ทำให้เป้นสินค้า (Commodification)" การซื้อประเวณีก็เช่นกันที่ถูกทำให้ไม่ต่างจากการซื้อสินค้า "ชนิดหนึ่ง"
มุมมองที่เห็นการซื้อประเวณีเป็นการซื้อสินค้าเป็นมุมมองหลักที่โน้มน้าวให้คนหันไปใช้บริการโดยไม่คิดถึงประเด็นทางศีลธรรม แต่ภายใต้มุมมองดังกล่าวการซื้อสินค้าที่เรียกว่า SEX ก็ยังมีรายละเอียดย่อยที่แตกต่างกัน
บางคนอาจมองว่าคนที่ไปซื้อประเวณีนั้น ไม่มีความสามารถที่จะหาผู้หญิงดีๆมามีความสัมพันธ์ด้วย....
เมื่อถูกภามว่าทำไมถึงได้ใช้บริการทางเพศ ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้มีหน้าที่การงานที่สำคัญในบริษัทการเงินตอบคำถามว่า
"เขาต้องการมีชีวิตที่อิสระ การมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผู้หญิงนั้นนำมาซึ่งปัญหามากมายที่เขาไม่ต้องการ มันดีกว่าที่เขาจะมีความสัมพันธ์ทางเพศแค่เพียงผ่าน แล้วใช้ชีวิตอิสระของตนได้ต่อไปโดยไม่ถูกรบกวน"
....ความเป็น Individualism มากขึ้นของสังคม ก็อาจนำมาซึ่งคนที่ "มีโลกส่วนตัว" ที่ไม่ค่อยอยากให้ใครเข้ามาวุ่นวายมากนัก บางทีการมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งก็นำมาซึ่งความรับผิดชอบที่คนเหล่านี้ไม่อยากแบกรับ
บางคนมองว่าการหันไปใช้บริการทางเพศเกิดจากสภาพครอบครัวที่ไม่อบอุ่น ภรรยาไม่สามารถตอบความต้องการทางเพศของสามีได้.....
เมื่อถูกถามถึงสาเหตุของการใช้บริการว่าเกี่ยวกับความล้มเหลวของชีวิตแต่งงานหรือไม่ ชายวัยกลางคนตอบว่า
"เขามีชีวิตครอบครัวที่ดี มีความสัมพันธ์ทางเพศที่ปรกติกับภรรยา แต่การมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นทีีไม่ใช่ภรรยาของตนบ้างก็เหมือนการเปลี่ยนรสชาติ บางทีมันอาจช่วยทำให้ชีวิตคู่ของเขาดีขึ้นด้วยซ้ำ"
การซื้อประเวณีของผู้ชายนั้น ส่วนใหญ่ถูกแยกออกจากความรัก รักครอบครัว รักแฟนก็เรื่องหนึ่ง การทำตามความอยากก็อีกเรื่องหนึ่ง
บางคนที่มองว่าคนที่ไปเที่ยวผู้หญิงนั้น ไปเพียงหาทางออกที่ยังไม่มีให้กับความใคร่ที่อัดอั้น อาจมองเรื่องดังกล่าวไม่ครบทุกมุม....
เมื่อถูกถามถึงสาเหตุของการเที่ยว ชายคนหนึ่งจึงได้เล่าประสบการณ์ที่ติดอยุู่ในความทรงจำของตน
"ความประทับใจในการบริการทำให้เขาไปที่นั่นเพื่อหาสาวคนเดิมอยู่บ่อยๆ เขาชอบความรู้สึกที่ได้จากเธอ"
แต่เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกที่มีให้กับเธอว่าอยู่ในฐานะใด
"เขากลับตอบเพียงว่า มันอยู่ในฐานะผู้ซื้อและผู้ขายเท่านั้น ความสัมพันธ์ไม่เคยเกินเลยไปกว่าทางพาณิชย์ และไม่ใช่เพียงเขาที่ต้องการเพียงแค่นั้น แต่เธอเองก็ต้องการเช่นกัน"
"แม้ให้เลือกมีความสัมพันธ์โดยที่ไม่ต้องเสียเงินได้ เขาก็จะไม่เลือก เพราะเขาเชื่อว่าสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ความสัมพันธ์ในเชิงอุปสงค์และอุปทานเป็นเรื่องที่เหมาะแล้ว"
หญิงสาวผู้เคยผ่านประสบการณ์เป็นผู้ให้บริการ กล่าวถึงความสัมพันธ์ของเธอกับลูกค้าว่า
"มีบ้างบางครั้งที่เธอรู้สึกพิเศษกับลูกค้าบางคน แต่เธอรู้ว่าการพยายามให้ความพิเศษกับลูกค้าที่เธอรู้สึกเช่นนั้น จะไม่ส่งผลใดๆที่เธอต้องการให้เกิดขึ้นได้เลย เธอเคยบอกให้ลูกค้าที่เธอชอบมากคนหนึ่งมาใช้บริการได้ฟรี.....แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่เจอเขาอีกเลย"
คำอธิบายว่าการไปเที่ยวนั้นคือการบำบัดทางอารมณ์อาจถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะในความคิดของผู้ชายนั้น การบำบัดอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกที่ถูกแยกจากความเป็นจริง เป็นโลกที่ไม่เกี่ยวกับความรักและศีลธรรม เป็นสิ่งเสมือนจริงในโลกที่จำกัด (Bounded Authenticity)ที่อยู่บนพื้นฐานของการได้รับและตอบแทน
นั่นคงเป็นความหมายคร่าวๆของ "การซื้อประเวณี" ที่ได้จากงานวิจัยเรื่องดังกล่าวในอเมริกา
ไม่รู้ว่าจะคล้ายคลึงกับภาวะในประเทศไทยของเราหรือไม่?
แต่ที่แน่ๆ งานวิจัยดังกล่าวได้เอ่ยถึงคำสัมภาษณ์ที่ตรงไปตรงมาของชายอเมริกันคนหนึ่ง ที่ว่า
"Men and woman just think differently, Men will fuck sheep, boys, anything. They are dogs"
.........ไม่ทราบชายไทยคิดว่าส่วนไหนบ้างของประโยชน์ดังกล่าวที่จริง