Friday, February 02, 2007

ทางเลือกที่จะตื่น

เคยดูเดอะเมทริกซ์ภาคแรกไหม?

ตอนพระเอกถูกให้เลือกว่าจะกินยาเม็ดไหนในสองเม็ด เม็ดหนึ่งเพื่อตื่นจากโลกสมมุติที่เดอะเมทริกซ์สร้างขึ้น แล้วพบกับความจริงที่โหดร้ายว่าโลกนั้นถูกครอบงำอยู่โดยเครื่องจักรขนาดยักษ์ กับอีกเม็ดหนึ่งเพื่อกลับไปใช้ชีวิตอย่างสุขสบายต่อไปบนความไม่รู้

คิดไปแล้วมันเหมือนกับทางเลือกที่เราต้องเจอในการเป็นนักวิชาการ หรือการเป็นคนที่ตั้งคำถามมากมายกับสังคม

ในแง่หนึ่งเราอาจไม่ต้องทำงานวิชาการ ไม่ต้องตั้งคำถามก็ได้ แล้วก็ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปโดยไม่ต้อง "กลุ้มใจ" กับปัญหาต่างๆในสังคม

แต่ในอีกแง่หนึ่งเราก็เลือกแล้ว ที่จะพยายามไขว่คว้าหาทางทำอะไรสักอย่างให้ไอ้ที่เราเห็นอยู่รอบตัวมันดีขึ้น ยิ่งเรียนไปก็ยิ่งเห็นปัญหาต่างๆมากมาย นู่นก็เป็นปัญหาแบบหนึ่ง นี่ก็เป็นปัญหาอีกแบบหนึ่ง

มันเหมือนเราเลือกที่จะกินยา แล้วตื่นขึ้นมาพบความจริงที่โหดร้ายแบบในเดอะเมทริกซ์

อาจจะต่างกันตรงที่เรา (ผู้เขียน) หล่อน้อยกว่าคีนูนิดนึง แล้วก็ไม่ใช่เดอะวัน แต่เอาเถอะ นั่นไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นคือ สงสัยเป็นหน้าที่ที่เราเลือกแล้ว (ว่ะ) ที่จะต้องตื่นจากมายาคติ และทรมานกับความเป็นจริง

6 comments:

Anonymous said...

โห มันโหดร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ
แต่ชีวิตคือการต่อสู้

และการได้ออกจากเมทริกซ์
ก็คือการได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระ
ไม่ต้องถูกควบคุมจากเครื่องจักรอีกต่อไป
แม้ว่าโลกที่ออกมาจะเลวร้าย
ไม่น่าอยู่ ลำบากลำบน
แต่มันก็มีอิสระ

แวะมาทักทายค่ะ

Anonymous said...

^^ถึงความจริงที่พี่เลือกแล้วมันอาจจะดูโหดร้ายกว่าสิ่งที่คนอื่นเลือก
แต่ถ้าพี่เลือกและทำสิ่งนั้นด้วยใจรัก มันก็คงไม่ทรมานใจสักเท่าไหร่ แม้ว่าเราต้องเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่โหดร้ายก็ตามที
สู้ สู้คะ บางทีความจริงที่เราเจอมันอาจจะสนุกกว่า ท้าทายกว่า โลกแห่งความฝัน
ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ

Anonymous said...

มันก็จริงนะคะที่เวลาที่เราเป็นนักวิชาการแล้ว มันมีปัญหาให้มองมากมาย
แต่มันต่างกันตรงที่ว่า โลกใบนี้ไม่ใช่ matrix คนไม่ได้นอนอยู่เฉยๆแล้วถูกโปรแกรมให้ตื่นขึ้นมาพบกับโลกที่สวยงามกว่าความเป็นจริง
แต่ปัญหามันมีอยู่จริง...

คนต้องทุกข์ทรมานกับปัญหาที่มีอยู่กันจริงๆ ศุกข์ เศร้า แย่ หรือ อยู่ในภาวะที่เลือกไม่ได้จริงๆ

แทบอยากจะให้ปัญหาที่ไม่ถูกบรรเทามันเป็นภาพลวงตาด้วยซ้ำ ไป

เพียงแต่ว่านักวิชาการจะเลือกจับเอาปัญหาไหน ที่เป็นของคนอื่น หรือที่เกี่ยวกับตัวเอง มาทำให้มันกระจ่างขึ้น...และกลายเป็นปัญหาที่(ทุกข์)อยู่ในใจเราแทน

แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าความทรมานของนักวิชาการ อาจจะเทียบไม่ได้กับความทรมานของจริง สำหรับคนที่ต้องเผชิญกับมันบนโลกแห่งความเป็นจริง

sweet_บุญผ่อง

Anonymous said...

Just wanna say I love the movie a lot, esp. the 1st part.

Like one of the quote...
Morpheus: "There's a difference between knowing the path and walking the path."

It happens a lot in life that sometimes you know sth is right there but you just dont know how to get it.

David Ginola said...

"อาจจะต่างกันตรงที่เรา (ผู้เขียน) หล่อน้อยกว่าคีนูนิดนึง แล้วก็ไม่ใช่เดอะวัน แต่เอาเถอะ นั่นไม่ใช่ประเด็น" --> ฮามาก ปล่อยก๊ากออกมาเต็มๆเลย แบบอารมณ์กำลังซีเรียสแล้วหักมุม.. เด็ดนะพี่

เลยลืมเลยว่าจะคอมเม้นท์อะไร มัวแต่นั่งขำ..

Anonymous said...

Objects in the rear view mirror may appear closer than they are