Monday, January 15, 2007

ทหาร กับ มาเฟีย เหมือน หรือ แตกต่าง?

วันนี้เรียนเรื่องบทบาทรัฐกับการใช้ความรุนแรง สนุกมาก

ความรุนแรงในที่นี้ไม่จำเป็นต้องเป็นการตีร้างข้างหัวนะครับ แต่หมายถึงการใช้อำนาจเข้าควบคุม และหากไม่ทำตามก็จะต้องถูกทำโทษด้วยวิธีต่างๆนาๆที่ไปลดสวัสดิภาพ เช่น ขังคุก ปรับ หรืออาจซ้อม (ในกรณีตำรวจบางประเทศ)

ส่วนใหญ่ก็เรียนเกี่ยวกับเรื่องว่ารัฐผูกขาดความรุนแรงอย่างไร เพื่ออะไร แล้วสังคมตอบสนองกับรัฐอย่างไร

มาฉุกคิดอยู่ตรงหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องทีเรียน

อาจารย์เลกเชอร์ว่ามีสังคมบางแบบที่รัฐไม่สามารถเข้าไปมีบทบาทใช้อำนาจได้อย่างปรกติ

เช่น สังคมทหาร (มีศาลของตัวเองแยกต่างหาก) และสังคมมาเฟีย แบบมาเฟียจริงๆนะคร้าบ ยุคสมัยอันธพาลครองเมือง มาเฟียอิตาลี ประมาณนั้น

พอมาลองนึกดูแล้ว สังคมทหาร (ทหารเป็นใหญ่ในบ้านเมือง) กับสังคมมาเฟีย (มาเฟียครองเมือง) ก็มีอะไรคล้ายกันเหมือนกันนะเนี่ย

หนึ่ง ทั้งทหารและมาเฟีย สิ่งที่สำคัญที่พวกเขาต้องเน้นมากในการจัดระเบียบกันเองในหมู่คณะ (เมื่อรัฐไม่มีบทบาทในการจัดการพวกเขา) ก็คือ "เกียรติยศ หรือ ศักดิ์ศรี" สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญควบคุมพฤติกรรมหมู่สมาชิกไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เพราะในสังคมทั้งสองความรุนแรงไม่ถูกผูกขาดอีกต่อไป แต่ถูกกระจายไปตามกลุ่มก้อนๆหรือบุคคลต่างๆ หากไม่มีเกียรติยศ หรือ ศักดิ์ศรีมาช่วยควบคุม ก็อาจเกิดความวุ่นวายได้ง่ายๆ

สอง ในกรณีที่เข้าไปมีบทบาทร่วมกำกับผู้อื่น ทั้งทหารและมาเฟียทำหน้าที่ใช้ความรุนแรงแทนรัฐ ส่วนใหญ่ข้ออ้างในการใช้ความรุนแรงก็คือ ถ้าเราไม่ใช้ความรุนแรงเข้าควบคุม สถานการณ์มันจะเลวร้าบกว่านี้ แบบมาเฟียเวลาอ้างว่าถ้าเขาไม่ทำชั่วนิดๆหน่อยๆเพื่อควบคุมคนอื่น คนอื่นๆมันก็จะทำชั่วมากกว่านั้น เขาเลยต้องทำชั่วเพื่อคุ้มครองคนอื่น ส่วนทหารน่ะหรือ ฮึๆๆๆ ลองนึกตัวอย่างเองละกัน ไม่ยาก ไม่ยาก

สาม ทั้งทหารและมาเฟีย ต่างก็ได้รายได้จากการได้ค่าคุ่มครอง ในกรณีทหารก็เป็นค่าคุ้มครองประเทศ ส่วนมาเฟียก็ค่าคุ้มครองสวัสดิภาพไม่ให้ถูกคนอื่น (หรือตัวเอง) ทำร้าย

ตัวอย่างความเหมือนก็ประมาณนี้ครับ

ที่แตกต่างกันหลักๆก็คือ ทหารทำหน้าที่หลักเพื่อประโยชน์สาธารณะ (ในเชิงหลักการครับ) ในขณะที่มาเฟียทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง

อืม....ทีนี้เนี่ย มีคำถามที่น่าสนใจ

่ส่วนใหญ่เวลามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวด้วยเนี่ย ไอ้เรื่องเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ที่เคยนับถือกันในหมู่มาเฟียก็มักจะถูกเก็บใส่กล่อง อย่างรวดเร็ว แล้วมายิงกันหาคนชนะแทน แบบพวกหนังมาเฟียจีนประมาณนั้น (พวกมาเฟียจีนในหนังเนี่ย เห็นนับถือความซื่อสัตย์ ไหว้เทพเจ้ากวนอูแหลก แต่ลูกน้องฆ่าลูกพี่ตลอดเลยวุ้ย)

ทีนี้สำหรับทหารเนี่ย ตวามหลักการแล้วไม่ควรมายุ่งเรื่องผลประโยชน์มากเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว

แล้วเมื่อทหารเข้ามามีเอี่ยวผลประโยชน์เยอะแยะเต็มไปหมดในประเทศล่ะ

ทหารที่ปรกติก็ไม่ได้อยู่ในการควบคุมโดยรัฐแบบประชาชนทั่วไป และก็มีความเข้าใจในการใช้ความรุนแรงที่แตกต่างจากประชาชน แบบว่าปรกติก็ใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือทำมาหากินเนี่ย

อืม....ทหารจะจัดการเรื่องผลประโยชน์กันแบบไหน เกียรติยศ ศักดิ์ศรี จะยังทำงานได้ดีกว่าการใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันหรือไม่?

.....ยุคที่บ้านเราเป็นเผด็จการทหารแบบนี้ คำถามนี้เราอาจได้เห็นคำตอบอีกไม่นาน......

2 comments:

เต่ายักษ์ said...

อืม...น่าสนใจครับ สังคมที่ทหารคือมาเฟีย มาเฟียอยู่ในคราบทหาร เกียรติยศและศักดิ์ศรี เป็นเพียงข้ออ้างในการทำมาหากิน มีพระเสื้อเมืองสีอำพันเป็นเทพคุ้มกระบาล ฟันไม่เข้า ยิงไม่ตาย โอ้! น่าทำเป็นหนัง มีฉากหลังอลังการ อย่างฉากระเบิดคาร์บอม กลางเมือง แล้วเอามาเฟียสองแกงค์ ยกพวกตลุมบอนกันกลางสนามหลวง เอาให้ตายกัเป็นเบือ ตามมาด้วยฉากจบ แบบว่าหัวหน้าแกงค์สองแกงค์แอบบตกลงกันลับๆ แล้วให้คนดูช้ำใจในตอนท้าย เพราะมีภาคต่อ (รอดีวีดีแบบเเพคเกจ ดูทีเดียวจบเลยดีกว่า)

Anonymous said...

อันตรายเป็นอย่างยิ่ง ก็เมื่อคนที่มีอำนาจ และมีความสามารถที่จะใช้ความรุนแรงอยู่ในมือ เริ่มที่จะคิดแทนคนอื่นว่า มันควรเป็นอย่างไร ควรทำอย่างนั้น ไม่ควรทำอย่างนี้ ไม่เคารพสิทธิในความคิดของคนอื่นในสังคม

โดยเริ่มจะลืมตัวไปว่า แท้จริงแล้ว ทหารคนหนึ่ง ก็คือ คนคนหนึ่งที่ควรจะเท่าเทียมกับคนอื่นๆ เคารพในสิทธิที่จะคิด และ เลือก ของคนอื่น ไม่ว่าใครในสังคม

ถึงแม้สำหรับสังคมที่ทหารเป็นใหญ่ ความยุติธรรม ความจริง และ ข้อเท็จจริง ควรเป็นสิ่งที่นำมาว่ากัน หาก ทหารเป็นผู้มีใจเป็นธรรม โดยไม่ต้องมานั่งพรำบอกทุกวี่ทุกวันถึง ความดี และ ความเป็นธรรมของตัวเอง เพราะ 2 สิ่งมันต่างกัน 2 สิ่งนั้นก็คือ
ภาพของความคิดที่เราและคนอื่นสร้างขึ้น กับ สิ่งที่มันเป็นจริง