Tuesday, June 05, 2007

กลายเป็น Nerd 100%

หลังๆมานี้เจอเพื่อนทั้งฝรั่งและไทยถามคำถามเดิมๆใส่บ่อยๆ

ประมาณว่า เอ่อ(Sub-Thai)...นายอ่ะ วันๆทำไรบ้าง อ่านหนังสืออย่างเดียวเลยเหรอ ออกไปเล่นไรอย่างอื่นบ้างป่ะ มีเพื่อนบ้างไหม

เอ่อ เพิ่งรู้สึกตัวเหมือนกัน (ว่ะ) ว่าพักหลังมานี่ กลายเป็นโคตร Nerd หันหลังให้สังคมมากๆ หมกหมุ่นอยู่กับเรื่องตัวเอง ไม่ค่อยได้สนใจคนอื่นๆเลย ปฏิสัมพันธ์กับคนน้อยมาก

จริงๆเนี่ย เมื่อก่อนก็ไม่เป็นนะ โดยเฉพาะตอนอยู่วชิราวุธ ตอนนั้นเนี่ยยังเรียนโง่มากอยู่ วันๆก็เรื่อยเปื่อยไป ชีวิตไม่มีสาระ มีแต่เพื่อน

รู้สึกจุดเปลี่ยนจะไปอยู่ตอนเข้าธรรมศาสตร์น่ะ โง่ๆอยู่ดีๆก็ฉลาดขึ้นมา งง เหมือนฝันไปเลย

แต่พอเริ่มบินสูงแล้วก็เริ่มแบก แบกความหวังตัวเอง แบกความสำเร็จ มันก็หนักอ่ะนะ แต่ก็ทำไงได้ ก็ตัดสินใจจะปีนเขานี่ เหนื่อยนิดหน่อยก็ทนๆกันไป

รู้สึกว่าจะเริ่มซีเรียสกับชีวิตเพิ่มขึ้นมากๆตอนอยู่ธรรมศาสตร์

แต่ก็ยังไม่มากเท่าไหร่ มีเพื่อนๆที่รักบี้คอยเล่นตลก เพื่อนๆบีอีก็ฮาไปได้เรื่อยๆ ชอบสาวคนโน้นคนนี้บ้าง อกหักบ้าง อินเลิฟบ้าง

ชีวิตมาเปลี่ยนจริงๆตอนเป็นอาจารย์มั้ง

แบบว่าเข้ามาแล้วรู้สึกล้มเหลวในอาชีพการงานมากๆ รู้สึกพิการทางปัญญา

ที่สำคัญคือ การเปลี่ยนผ่านจากนักเรียนเป็นคนทำงานของเราล้มเหลว เราสร้างความเป็นมืออาชีพให้กับตัวเองไม่ได้ สร้างวินัยในการทำงานไม่ได้ (แบบว่าเป็นอาจารย์เนี่ยมันสบาย เราก็เลย ชิล...ซะ)

ก็สอนหนังสือโอเคนะ จัดกิจกรรมให้คณะดีๆบ้าง แต่ผลงานวิชาการแแบไม่มีเรย ถึงมีก็ไม่ค่อยดี สาเหตุน่ะหรือ ก็เพราะความชิลนั่นล่ะ

ประสบการณ์ที่สำคัญคงเป็นทุนอานันมั้ง ครั้งแรกรู้สึกโชคร้าย ครั้งสองรู้สึกพังทลาย

แต่ก็ต้องขอบคุณทุนอานันครั้งที่สองมากกว่าครั้งแรก ทำให้สำนึกไปนานจริงๆว่าความประมาทในชีวิตมันมีผลเสียยังไง

ขอบคุณที่ทำงานที่รักด้วยที่จัดบทเรียนให้ สงสัยเห็นเราเคยบ่นว่าอยากให้มีคอร์สอบรมให้อาจารย์ใหม่เยอะๆ เลยจัดให้หนึ่งบทใหญ่

เป็นอาจารย์อยู่เกือบสองปีก็มาเรียนต่อแบบซมซาน ความมั่นใจลดลงไปเยอะ

ก็เพิ่งมาสร้างใหม่เอาที่นี่ ค่อยดีขึ้นมาหน่อย

แต่รู้สึกจะจริงจังกับชีวิตมากๆเลย พักหลังเนี่ย แบบว่าจะต้องไม่ผิดพลาดอีกครั้ง เหมือนคนหลังพิงฝาชอบกล

คิดแล้วก็สะท้อนไปถึงตอนอยู่โรงเรียนเหมือนกันแฮะ ตอนนั้นเนี่ยไม่ได้ตั้งกฎเกณฑ์อะไรให้ชีวิตตัวเองเลย ทำอะไรก็ไม่เคยตั้งเป้าให้มันดีเลิศ ก็เอาตัวรอดดาบหน้าไปเรื่อย

...ชีวิตคนเนี่ย มันเปลี่ยนไปเร็วเนอะ

12 comments:

Anonymous said...

ทำตัวเหมือนเมทเขาเลยอะพี่
เนิด สุดๆเลย เมทเขาก็อ่านแต่หนังสืออะ
เรียนหมอฟันอะ
ฮือๆ

ยังคิดถึงพี่อยู่เสมอ
อิอิ
ว่างๆก็ออกไปข้างนอกห้องบ้างก็ได้นะคะ
จะได้มีเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว
และเพื่อนแท้คะ

จากคนเป็นห่วงเด็กเนิด

Anonymous said...

มันอาจเป็นเพราะว่าพี่โตขึ้นมั้ง ความคาดหวังมันก็เลยสูงตามไปด้วย แบบว่ายิ่งสูงยิ่งหนาวไง หนูว่าคนเราก็ต้องมีจุดเปลี่ยนในชีวิตเพียงแต่จะเปลี่ยนให้แย่ลงหรือดีขึ้น มันก็ขึ้นอยู่ว่าเราจะเลือกอะไร

และมันคงเหมือนการที่พี่เก่งมากๆความคาดหวังว่าฉันต้องดีเลิศมันก็ตามไปด้วย ความเครียดความกดดันมันก็จะตามมา ต่างกับตอนชิวๆเพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้คาดหวังอะไรมันก็เลยสบายๆ
^^ขอเพียงแต่พี่มีความเชื่อมั่นว่าตัวเองทำได้ หนูคิดว่าพี่ก็ต้องทำได้อยู่แล้ว ทุกเรื่องแหละ^^

^^ยังไงก็ขอให้พี่รักษาสุขภาพด้วยนะคะ อย่าเครียดมากละ สู้ๆหนูเชื่อว่าพี่ต้องทำได้อยู่แล้วคะ^^
ปล.เครียดมากหน้าท่านอาจแก่ได้

Anonymous said...

คงต้องเลือกละมั้งว่าจะเป็น Nerd หรือว่า จะเสีี่ยงกับความความผิดหวัง หาจุดสมดุลย์ได้ง่ายๆ ซะทีไหน

เราเองก็เคยใช้ชีวิตแบบเรื่อยๆ แล้วก็ใช้ชีวิตแบบเครียดๆอยู่พักนึง มันทำให้สุขภาพจิต สุขภาพใจ สุขภาพกายย่ำแย่ กระต่ายน้อยต้องระวังสุขภาพนะ

ที่ตั้งใจไว้จะได้เป็นตามแผน สู้ๆ เน้อ

Anonymous said...

อะไรก็เปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้นแหละพี่
...อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน...อิอิ

sweetnefertari said...

กระต่ายน่ะ มันไม่ได้กินแต่หญ้า(หญ้าขน)หรอกนะ อิอิ

^
^
^

จาก คนเลี้ยงกระต่ายจ้า..........

Anonymous said...

บางช่วงชีวิตก็เป็น nerd บางช่วงก็ไม่เป็น แต่สุดท้ายแล้วพอเวลาผ่านไป มองกลับไป มันก็คงสนุกดีเหมือนกัน..สนุกกับรสชาติของชีวิตไง *_*

จากคนที่เพื่อนบอกว่าเรา nerd เหมือนกัน

Anonymous said...

waiting for ur updates naka!!
could u write something about our new constitution, from the view of develoment studies student!!!? ^_^

Anonymous said...

เข้ามาดู .....

คุณกระต่าย
อยู่อังกฤษคนเค้าว่าไงเรื่องแมนซิตี้มั่ง?

อยากรู้ๆๆ ประเทศที่มีทีมฟุตบอลมากมาย
เขียนถึงเรื่องฟุตบอลหน่อยนะ
จะ เข้ามาดู .. เรื่อยๆ

คนที่เคยเรียน EC210 แล้วได้แค่ B+ เอง :)

moo said...

พีี่ต่ายขา
ทันที่ที่น้องอ่านเรื่อง morality ของพี่จบ ก้ต้องระเบิดเสียงหัวเราะ จนเพื่อนข้างห้องสังสัยว่า ทำงานมากไปหรือเปล่า จึงหัวเราะดังขนาดนี้ อ่านแล้วปลื้มมาก และเห็นว่าพี่ โต ขึ้น จรึงๆ อะน้องก็เช่นเดียวกับแพนกวินตัวจิ๋งนะที่เป็นห่วงพี่ต่ายว่า เนิดมากไปแล้วจะทำให้หน้าแก่เกินวัย...อย่าหักโหมมาหนักนะคะ
จากน้องหมูน้อยที่ชิบะ

Anonymous said...

หายไปนานเลยนะคะ พี่กระต่าย
เรียนหนักหรอค่ะ ว่างๆก็มาแบ่งปันเรื่องเล่าจากเมืองผู้ดีอีกนะคะ

Anonymous said...

สวัสดีปีหนูค่ะ

Anonymous said...

อาจานย้ายบล็อกแล้วหรอคะ หายไปนานมากๆ เลย จะติดตามอ่านเรื่อยๆ นะคะ